เพียร์ส มอร์แกน ปล่อยวีดีโอฉบับเต็มพาร์ทแรกของบทสัมภาษณ์ โด้ นอกเหนือจาก วิจารณ์พัฒนาการที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ราล์ฟ รังนิค, เวย์น รูนี่ย์, แกรี่ เนวิลล์ และก็พวกสื่อทั้งหลายแล้ว เหล่าดาวรุ่งยุคใหม่ก็โดนด้วย แต่ยังชื่นชม ดีโอโก้ ดาโลท์ และก็ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตเจ้านาย
หลังจากเกริ่นก่อนเข้ารายการชื่นชมว่า โด้
เป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล มอร์แกน เริ่มยิงคำถามแรก ถึงเหตุผลที่แข้งวัย 37 ปีให้สัมภาษณ์ครั้งนี้
“เนื่องจากผมคิดว่าถึงเวลาต้องพูดอะไรบางอย่าง และก็เป็นเนื่องจากว่า ผมถูกใจคุณ” พร้อมเสียงหัวเราะของทั้งคู่ มอร์แกน บอกว่าเขาก็ถูกใจ โรนัลโด้ เช่นเดียวกัน แล้วถามต่อเรื่อง แฟนบอลของ “ปีศาจแดง”
“อย่างที่ผมบอกไปหลายต่อบ่อย ผมมีแต่สิ่งดีๆจะพูดเกี่ยวกับพวกเขา, แฟนบอลคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในวงการฟุตบอล, ผมเล่นเพื่อพวกเขา และก็พวกเขาก็อยู่ข้างผมมาเสมอ
“ผมรู้สึกถึงสิ่งพวกนั้นทุกคราว ตอนผมเดินไปตามท้องถนนแล้วเจอแฟนบอล พวกเขาชื่นชมสิ่งที่ผมทำ และก็สำหรับผมสิ่งที่สำคัญที่สุดในฟุตบอลคือแฟนบอลทุกคน”
คำถามถัดมา มอร์แกน ย้อนความไปช่วงปีที่แล้ว ถึงข่าวสารเรื่องย้ายจาก ยูเวนตุส ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมือง
“กล่าวตามตรงนะ มันใกล้มากแล้ว, พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้อย่างมาก และก็ กวาร์ดิโอล่า บอกไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อจะได้ตัวผม”
“แต่อย่างที่คุณทราบ ประวัติศาสตร์ของผมอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หัวใจ, ความรู้สึก และก็สิ่งที่ผมเคยทำไว้ก่อนหน้านี้สร้างความแตกต่าง และก็แน่นอนคือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน”
“ตอนนั้นในบางมุม ผมก็ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เช่นเดียวกัน แต่มันเป็นการตัดสินใจจากเสียงอันดังกึกก้องในหัวใจของผม”
“ผมคิดว่าการพูดคุยกับ เฟอร์กูสัน คือปัจจัยสำคัญ แต่มันเป็นการตัดสินใจของผมเอง และก็ผมไม่เคยเสียใจที่ทำแบบนั้น”
“เซอร์ อเล็กซ์ พูดคุยกับผมรวมทั้งบอกว่า ‘เป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะย้ายไป ซิตี้’ แล้วผมก็ตอบไปว่า ‘ได้เลยครับ เจ้านาย’,”
“แต่ผมขอย้ำว่ามันเป็นการตัดสินใจจากเจตนาของผมเอง และก็ตอนนั้นมันก็เป็นการตัดสินใจที่ดี”
“ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดี และก็ไม่มีเคยคาดคิดไว้ สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงภายในเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ แมนฯ ซิตี้ เท่านั้นแต่มีอีกหลายสโมสร”
“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่หนึ่งในสโมสรพวกนั้น และก็มันทำให้ทุกคนแปลกใจ ถึงแม้กระทั่งตัวผมเองก็ด้วย”
หลังจากย้ายกลับ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยเปิดตัวสวยงาม ทำคนเดียว 2 ประตูใส่ นิวคาสเซิล ช่วงก.ย.ปีที่แล้ว
“มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่เฉพาะวันแข่งเท่านั้น ผมรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่อาทิตย์ก่อนหน้าแล้วว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไป, โลกกำลังบอกผมว่า โรนัลโด้ มาถึงบ้านแล้ว, เขากลับมาในสถานที่ซึ่งเขาควรอยู่”
“ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นช่วงเวลาอันดีเลิศในการได้กลับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ได้โชว์ฟอร์มเฉพาะหน้าแฟนบอลของพวกเรา และก็แน่นอนการยิงได้สองประตูที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คือการต้อนรับที่ดีที่สุดซึ่งผมเคยได้รับ”
“วันนั้นเป็นวันที่ไม่น่าเชื่อและก็น่าจดจำสำหรับผม แน่นอนว่าผมถูกใจได้ยินเพลง ‘วีว่า โรนัลโด้’ จากแฟนบอล และก็อย่างที่บอกไป สำหรับผมแฟนบอลคือทุกอย่าง”
มอร์แกน ถามต่อเรื่องที่ยอดจำหน่ายเสื้อ โรนัล โด้ หลังย้ายมาร่วม ยูไนเต็ด ทำลายสถิติของ ลีโอเนล เมสซี่ ซึ่งพอได้ยินชื่อสตาร์จาก เปแอสเช ปุ๊ป กัปตันทีมชาติโปรตุเกสก็ฉีกยิ้มกว้างทันที
“แน่นอนว่าผมมีความสุข แต่อย่างที่ทราบคือผมไม่เคยติดตามสถิติ, สถิติติดเรียกตัวผมต่างหาก ด้วยเหตุผลดังกล่าวมันเป็นเรื่องดี และก็เป็นอีกหนึ่งสถิติในหนังสือของผม”
เวลาผ่านไปยาวนานหลายสัปดาห์หลัง โรนัลโด้ หวนซบทีม และก็สิ่งต่างๆก็ไม่ได้เป็นไปด้วยดีจนถึงกระทั่ง โซลชาร์ โดนปลด และก็เขาก็ถูกถามถึงความรู้สึกช่วงนี้
“กล่าวตามตรงนะ เพียร์ส, ตอนผมเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไเนต็ด ผมคิดว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วเนื่องจากเวลามันผ่านไปตั้ง 13 ปี… ผมอยู่ มาดริด 9 ปี และก็อีก 3 ปีที่ ยูเวนตุส”
“และก็ตอนผมมาถึง ผมคิดว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว อีกทั้งเรื่องเทคโนโลยี, โครงสร้างพื้นฐาน และก็ทุกๆเรื่อง”
“แต่ผมก็ต้องแปลกใจในทางที่แย่ เนื่องจากทุกอย่างเหมือนเดิม จากนั้น โอเล่ ก็โดนปลด แล้วไมเคิ่ล คาร์ริค เข้ามารับงานต่ออีก 2 นัด, ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก”
“ความไม่มั่นคงของสโมสร ทำให้ผมแปลกใจมาก และก็ทุกอย่างเหมือนเดิมหมด จนถึงผมคิดว่าพวกเขาเหมือนหยุดนาฬิกาไว้เลย ซึ่งผมไม่เคยคาดคิดไว้มาก่อน”
คำถามถัดมาเป็นเรื่องการที่ โด้ เสริมกองทัพของ ยูไนเต็ด
“ตอนผมถูกเซ็นเข้ามา พวกเขาเสริม ซานโช่ และก็ วาราน มาด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับตัวผม ก็ทำให้ผมคิดว่าสิ่งต่างๆกำลังเข้าที่เข้าทางสมกับเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
“แต่อย่างที่คุณบอกไป, เซอร์ อเล็กซ์ ทิ้งช่องว่างใหญ่ไว้ที่สโมสร ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่มีอีกคนที่ผมคิดว่าเคยสร้างความแตกต่าง คือ เดวิด กิลล์ ประธานสโมสร, เขาเป็นคนที่ดีมากๆ”
“โครงสร้างรอบตัว เซอร์ อเล็กซ์ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน และก็ผมทราบว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ผมไม่คิดว่ามันจะมีช่องว่างใหญ่ขนาดนั้นหลังจากเวลาผ่านไป 10 ปี”
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น อีกทั้งสระว่ายน้ำ, อ่างจาคุซซี่ หรือถึงแม้กระทั่งโรงยิม”
“ถึงแม้แต่เรื่องเทคโนโลยีบางอย่าง, โรงครัวและก็เหล่าเชฟ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่น่ารักและก็ผมสำนึกในบุญคุณของพวกเขา! แต่พวกเขาก็หยุดพัฒนาไปซึ่งเป็นสิ่งที่ผมแปลกใจมาก”
“ผมเคยคิดว่าจะได้เห็นสิ่งที่ต่างออกไป อีกทั้งเรื่องเทคโนโลยีและก็โครงสร้างพื้นฐาน แต่โชคร้ายที่เราเห็นว่าหลายอย่างยังคงเหมือนตอนผมอายุ 21, 22, 23 ปี, ผมแปลกใจสุดๆ”
“นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ ล่ำลาทีมไป ความเห็นของผมคือ พัฒนาการของ ยูไนเต็ด เท่ากับศูนย์, เมื่อเปรียบเทียบเทียบกับ เรอัล มาดริด หรือถึงแม้กระทั่ง ยูเวนตุส แล้ว พวกเขาตามหลังทีมอื่นทั่วทั้งโลก”
“อีกทั้งเรื่องเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการซ้อม, โภชนาการและก็การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และก็การฟื้นฟูร่างกาย สิ่งพวกนี้ทำให้ผมแปลกใจ”
“เมื่อนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ไปเทียบกับสโมสรพวกนั้น ผมคิดว่าพวกเขายังตามหลังอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมแปลกใจมาก”
“สโมสรระดับ ยูไนเต็ด ควรอยู่ในระดับท็อป และก็โชคร้ายที่พวกเขาไม่ใช่ แต่ผมหวังว่าในหลายปีข้างหน้า พวกเขาจะไปถึงระดับนั้นได้”
มอร์แกน ถามว่ากล่าวการที่ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง รังนิค คือการตัดสินใจที่น่าตลกจริงหรือไม่
“มันเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน, หลังจาก โอเล่ พวกเขาตั้งผู้อำนวยการกีฬา ราล์ฟ รังนิค, นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ”
“ชายคนนี้ไม่ใช่โค้ชด้วย สโมสรใหญ่อย่าง ยูไนเต็ด แต่งตั้งผู้อำนวยการกีฬา ทำให้คนทั่วโลกแปลกใจไม่ใช่เพียงแค่ผมเท่านั้น, หากคุณไม่ได้เป็นถึงแม้กระทั่งโค้ช คุณจะเป็นนายใหญ่ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างไร?
“มันเป็นเรื่องที่ผมควรจะบอกว่า ยูไนเต็ด ไม่ได้เดินตามหนทางสู้ความสำเร็จเช่นเดียวกับทีมอื่น อย่างได้แก่ ลิเวอร์พูล, ซิตี้, เชลซี ตามหลังทีมพวกนี้ 1-2 ก้าว เนื่องจากความผิดพลาดลักษณะนี้”
“ผมคิดว่า ยูไนเต็ด ควรจะเปลี่ยนแปลงและก็มีการเปลี่ยนแปลงทีมงาน หรือผู้อำนวยการ หรือประธานสโมสร หรือใครก็ไม่ทราบที่อยู่เบื้องหลังปัญหานี้
“ผมไม่เคยได้ยินชื่อ รังนิค มาก่อน, ผู้คนที่ผมพูดคุยด้วยไม่มีใครรู้จักเขา ไม่มีใครเลย”
“ผมเคารพ รังนิค และก็เรียกเขาว่าเจ้านาย เช่นเดียวกับโค้ชทุกคนที่ผมเคยผ่านมา แต่ลึกๆข้างใน ผมไม่เคยดูเขาเป็นเจ้านาย เนื่องจากผมเห็นบางอย่างซึ่งผมไม่เห็นด้วย”
“อีกอย่างคือ รังนิค หยุดเวลาของเขาไว้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเมื่อคุณไม่ได้เป็นโค้ชมาตลอด 5 ปีหลัง คุณจะเสียตัวตนของคุณในฐานะโค้ชไป”
มอร์แกน ถามต่อเรื่องที่ รังนิค ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า โด้ เพรสซิ่งไม่มากพอ
“กล่าวตามตรงนะ เป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจเลย, พวกโค้ชคนใหม่เข้ามา รวมทั้งคิดว่าพวกเขาเจอ โคคา-โคล่า ขวดสุดท้ายในทะเลทราย อีกทั้งที่กีฬาฟุตบอลถูกสร้างขึ้นมาตั้งหลายปีแล้ว”
“แต่ผมเคารพโค้ชทุกคน, ผมเคารพแนวทางการทำงาน, ความคิดเห็น และก็ทัศนคติที่แตกต่าง แต่เมื่อถึงจุดๆนึงผมก็ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วย ซึ่งผมเป็นแบบนี้มาตลอดชีวิต”
“ผมร่วมงานกับโค้ชที่ดีที่สุดของโลกมาตลอด ซีดาน, อันเชล็อตติ, มูรินโญ่, แฟร์นานโด ซานโตส, อัลเลกรี ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมค่อนข้างมีประสบการณ์ เนื่องจากผมเรียนรู้จากพวกเขา”
“ด้วยเหตุผลดังกล่าวเมื่อผมเห็นโค้ชคนใหม่เข้ามา และก็ต้องการปฏิวัติฟุตบอล ผมไม่เห็นด้วยและก็มีความเห็นของตัวเอง ส่วนพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกัน แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของวงการนี้”
“สุดท้ายแล้วผมอยู่ในทีมเพื่อช่วยคว้าแชมป์ และก็ต้องการใช้ประสบการณ์ของผมช่วยเหลือทีมอยู่เสมอ โค้ชบางคนไม่เห็นด้วยกับผม และก็นั่นเป็นส่วนหนึ่งของงาน”
มอร์แกน ถามต่ออย่างรวดเร็วว่า รังนิก ทราบหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรที่สโมสรอย่าง ยูไนเต็ด
“ไม่อ่ะ พวกเขาไม่ทราบ, พวกเขารู้จักสโมสรเป็นอย่างดี แต่ไม่ทราบถึงความสำคัญหลักภายในสโมสร ไม่ทราบประวัติศาสตร์สโมสรด้วย ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมากกว่าเดิมอีก”
“เมื่อคุณปลด โอเล่ โซลชาร์ ออก คุณควรจะแต่งตั้งผู้จัดการทีมระดับท็อป ไม่ใช่ผู้อำนวยการกีฬา”
ประเด็นต่อมา โรนัลโด้ ถูกถาว่า โซลชาร์ ควรจะโดนปลดหรือไม่
“ผมรัก โซลชาร์ เขาเป็นคนระดับท็อป เนื่องจากสิ่งที่ผมเก็บเอาไว้ในใจของผมก็คือหัวใจของคนๆนั้น และก็สำหรับผม เขาเป็นคนระดับท็อป”
“โค้ชระดับท็อป? แน่นอนว่า โซลชาร์ ไม่ได้มองหาในสิ่งที่เขาต้องการ เป็นเรื่องยากในการรับงานหลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ แต่ผมคิดว่าเขาทำได้ดี และก็เขาต้องการเวลามากกว่านี้”
“ผมไม่สงสัยเลยว่า โซลชาร์ จะเป็นโค้ชที่ดีในอนาคต แต่มันเป็นประสบการณ์ที่ดี ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมพอใจมากที่ได้รวมงานกับเขา ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ”
ประเด็นถัดมา โด้ ถูกถามเรื่องเหล่าดาวรุ่งในทีม
“ผมไม่คิดว่าพวกเขาไม่ได้เคารพผู้เล่นที่ประสบการณ์ หรืออายุมากกว่า แต่พวกเขาเกิดในยุคสมัยที่แตกต่างออกไป, ผมสามารถพูดแบบนั้นได้ เนื่องจากผมมีลูกอายุ 12 ปี, ทัศนคติของพวกเขาไม่เหมือนเดิม”
“ความกระหายของพวกเขาแตกต่างออกไป ผมคิดว่าพวกเขาได้สิ่งต่างๆมาง่ายดายกว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายไปหมด ทำให้พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบ พวกเขาจึงไม่สนใจ”
“ผมไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เฉพาะไม่กี่คนใน ยูไเนต็ด แต่หมายถึงดาวรุ่งในทุกทีมทุกลีคทั่วทั้งโลก, พวกเขาไม่เช่นเดียวกับยุคของผม แต่คุณก็โทษพวกเขาไม่ได้ เนื่องจากนั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและก็เทคโนโลยีใหม่ซึ่งทำให้พวกเขาขัดเขว”
“พวกเขารับฟัง แต่นั่นเป็นเหตุผลที่่เรามีหูสองข้าง พวกเขารับฟังจากหูข้างหนึ่งและก็ทะลุไปอีกข้างนึง”
“ซึ่งไม่ทำให้ผมแปลกใจ ขณะเดียวกันมันก็ค่อนข้างน่าเสียดาย แม้พวกเขามีตัวอย่างที่ดีที่สุดอยู่เบื้องหน้า แต่กลับไม่เลียนแบบในสิ่งที่คุณทำเป็นอย่างน้อย”
“สำหรับผมนั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก เนื่องจากผมจำได้ว่าตอนผมอายุ 18, 19, 20 ปี ผมเฝ้าดูผู้เล่นที่ดีที่สุดอยู่เสมอ ฟาน นิสเตลรอย, เฟอร์ดินานด์, รอย คีน และก็ กิ๊กส์”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ผมประสบความสำเร็จอย่างยาวนาน เนื่องจากผมดูแลอีกทั้งสภาพร่างกาย, จิตใจ และก็สมอง, เป็นเนื่องจากผมเฝ้าดูพวกเขาพวกนั้น และก็พยายามเรียนรู้”
“ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะถูกใจให้คำแนะนำ เนื่องจากผมมักจะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง, ผมไปสนามฝึกทุกเช้าและก็ทำในสิ่งเดิมๆ, ผมอาจไปถึงที่นั่นเป็นคนแรกและก็กลับเป็นคนสุดท้าย”
“ผมใช้เนื้อหาต่างๆแทนคำพูด เนื่องจากอย่างที่ผมบอกไป พวกเขารับฟัง แล้วอีกสองนาทีก็ลืม และก็ทำในสิ่งที่คิดว่าดีมากกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ผมใช้การกระทำเป็นตัวอย่าง และก็มีบางคนทำตาม – แต่ไม่มากนัก”
“พวกเขาไม่สนใจ – บางคนสนใจ แต่ส่วนใหญ่ไม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก และก็เป็นไปไม่ได้เลยที่อาชีพของพวกเขาจะยั่งยืน”
“ในยุคของผม คุณเห็นผู้เล่นหลายคนอยู่ในระดับท็อปจนถึงอายุ 36, 37, 38 และก็ผมคิดว่าสำหรับยุคนี้ คุณจะใช้มือข้างเดียวนับได้เลยว่ามีกี่คนที่ไปถึงระดับนั้น”
“หากถามผมว่าเห็นอะไรบ้างในเหล่าดาวรุ่ง ยูไนเต็ด ผมอาจสามารถเอ่ยชื่อ ดีโอโก้ ดาโลท์ – เขาอายุน้อย, ฉลาด และก็เป็นมืออาชีพสุดๆด้วยเหตุผลดังกล่าวไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะมีอาชีพค้าแข้งที่ยั่งยืน”
“เรายังมีผู้เล่นอายุน้อยอีกมาก แต่มันเป็นเรื่องยาก, คาเซมิโร่ อายุขึ้นเลข 3 แล้ว, อาจจะ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ล่ะมั้ง แต่ผมขอเลือก ดาโลท์”
ประเด็นถัดมา คือเรื่องที่ เบลล่า ลูกสาวของ โรนัลโด้ ป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบ หลังลืมตาดูโลกได้เพียง 3 เดือน โดยก่อนหน้านั้นลูกชายชื่อ อังเกล ที่เป็นแฝดเสียชีวิตไปก่อนแล้ว
“นั่นอาจเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตผม นับตั้งแต่พ่อผมเสีย, เมื่อคุณมีลูก คุณคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นปกติ แล้วผมก็เจอปัญหานี้
“ทำให้อีกทั้งผมและก็ จีโอ (แฟนสาวของโรนัลโด้) เจอสถานการณ์ที่ยาก เนื่องจากเราไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และก็เพราะเหตุไรถึงต้องเกิดสังกัดเรา”
“และก็อย่างที่คุณทราบ ฟุตบอลก็แข่งต่อไปอย่างรวดเร็วมาก มีการแข่งขันหลายรายการโดยไม่ได้หยุดพัก การผ่านช่วงเวลานั้นอาจเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตผม”
“ในตอนแรก จีโอ กลับมาถึงบ้าน แล้วลูกๆก็เริ่มถามคำถามว่า น้องอีกคนอยู่ไหน? น้องอีกคนอยู่ไหน?”
“แน่นอนว่าผมต้องคุยกับลูกชายคนโต เนื่องจากเขาอายุ 12 ปีและก็สามารถรับรู้ได้ทุกเรื่อง ผมมีการพูดคุยที่ดีกับเขา”
“เราร้องไห้ด้วยกันในห้องนอนของเขา รวมทั้งอธิบายสิ่งต่างๆ, เขาเข้าใจ แต่ขณะเดียวกับสับสน”
“ลูกๆ คนอื่นถามเรื่องนี้บนโต๊ะอาหาร และมันเป็นขั้นตอนที่ยาก หลังเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ผมเลยตัดสินใจเผยความจริงอย่างซื่อตรงกับพวกเขาโดยการบอกว่า อังเกล ไปอยู่ในสวรรค์แล้ว”
“มันเป็นเรื่องดีกว่าที่จะพูดแบบนั้น และเราเริ่มใช้วิธีนี้ ซึ่งเด็กๆ ก็เข้าใจเสมอมา, เมื่อเราพูดคุยกับบนโต๊ะอาหาร พวกเขาบอกว่า ‘พ่อครับ ผมทำสิ่งนี้เพื่อ อังเกล’ แล้วก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้า”
“ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด เพราะคุณก็รู้ว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และผมจะไม่โกหกลูกตัวเอง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยาก แต่ขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่ามีความเป็นพ่อคน และสนิทกับพวกเขามากขึ้น”
“ผมสนิทกับ จีโอ มากขึ้น แน่นอนว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ดูเหมือนว่าผมจะให้ความรักกับเธอมากขึ้น และทำให้ผมมีมุมมองชีวิตที่ต่างออกไป”
ความสูญเสียของ โรนัลโด้ ทำให้แฟนบอลของ ลิเวอร์พูล ทีมคู่แค้น ปรบมือให้กำลังใจพร้อมร้องเพลง You’ll Never Walk Alone ในช่วงนาทีที่ 7 ของเกมที่ลงเจอกัน
“ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะทำแบบนั้น, ผมขอใช้โอกาสนี้ กล่าวขอบคุณทุกคนที่อังกฤษ สำหรับน้ำใจของพวกเขา ไม่ใช่แค่ ลิเวอร์พูล แต่ทั่วทั้งอังกฤษเลย”
“ผมได้รับจดหมายจากราชวงศ์เช่นกัน และผมแปลกใจมาก, มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ และนี่คือเหตุผลที่ผมให้ความเคารพประเทศและผู้คนที่อังกฤษอย่างมาก เพราะพวกเขาดีต่อผมสุดๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
4 วันให้หลังจากช่วงเวลาอันยากลำบาก ยูไนเต็ด ประกาศว่า เอริค เทน ฮาก เตรียมเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่ง มอร์แกน ถาม โรนัลโด้ ว่า รู้จักกุนซือชาวดัทช์รายนี้หรือไม่
“ผมรู้จักเขานิดหน่อย จากผลงานที่ อาแย็กซ์”
ยูไนเต็ด จบฤดูกาลที่แล้วด้วยอันดับ 6 และมีเสียงวิจารณ์บางส่วนพุ่งเป้าไปที่ โรนัลโด้ และ เพียร์ส ก็ถามเรื่องนี้
“มันเป็นเรื่องง่ายในการชี้นิ้วมาที่ผม เมื่อคุณต้องการปกปิดเรื่องอื่นๆ และดูเหมือนว่าพวกสื่อ ต้องการเอาผมขึ้นหน้าหนึ่ง เพราะพวกเขารู้ว่าคนจะสนใจและขายข่าวได้มากขึ้น”
“ผมอายุ 37 ปีและเคยชินกับชีวิตแบบนั้นแล้ว, ผมเรียนรู้ว่าเมื่อคุณถึงจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุด คุณจะไม่รู้ตัวและมองไม่เห็นสิ่งที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้”
“เป็นเรื่องดีที่ผมผ่านช่วงเวลาอันย่ำแย่ เพราะมันทำให้เห็นว่าใครอยู่ข้างคุณบ้าง และใครวิจารณ์คุณมากกว่าคนอื่น”
“พวกเขารอคอยจังหวะแบบนี้ เพราะพวกเขาไม่ชอบเห็นคนประสบความสำเร็จ และพยายามพูดถึงเรื่องแง่ลบเท่านั้น”
“ผมกับครอบครัวรู้สึกว่าช่วง 4 หรือ 5 เดือนหลัง สื่อทั่วโลกวิจารณ์ผมหนักยิ่งกว่าเดิมอีก ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แม้แต่สื่อโปรตุเกสก็วิจารณ์ผมหนัก ผมไม่เข้าใจจริงๆ”
“แต่ผมเชื่อว่า ความอิจฉา เป็นส่วนหนึ่งของคำวิจารณ์เหล่านั้น และพวกเขาต้องการฉายแสงไปที่เรื่องนึง เพื่อปกปิดอีกเรื่องนึงไว้”
“ผมอยู่ในระดับท็อปมา 21 ปี ดังนั้นผมรู้วิธีรับมือเรื่องนี้ และมันไม่ใช่ปัญหา แต่มันเป็นเรื่องยากในการฟังคำวิจารณ์เหล่านี้ เมื่อสภาพจิตใจของคุณกำลังแย่”
“ข้อดีของผมคือ ผมไม่ชอบอ่านข่าว, ผมรู้ว่า 99 เปอร์เซนต์คือเรื่องโกหก และสื่อคือพวกขยะ ไม่ใช่ทุกคนแต่ส่วนใหญ่ขยะ”
“พวกเขาโกหกอยู่เป็นประจำ พยายามโจมตีและปล่อยข่าวเสียหายให้ครอบครัวผม แล้วผมจะอ่านข่าวพวกนี้ไปทำไม เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องการให้ผมรู้สึกแย่”
โรนัล โด้ มียอดติดตามบนโซเชียลมีเดียทุกแพลทฟอร์มรวมกันมากที่สุดในโลก แล้ว มอร์แกน ก็ถามถึงเรื่องนี้
“ผมรู้สึกดีและภาคภูมิใจกับเรื่องนี้ มันมีความหมายกับผมมาก เพราะหมายความว่าผู้คนชื่นชอบผม และผมคิดว่าผมเป็นคนมีสเน่ห์”
“บางทีผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมผมถึงเป็นอันดับ 1? ทำไมต้องผม? และพูดตามตรง ไม่ใช่แค่เพราะว่าผมเล่นฟุตบอลได้ดี เพราะทุกคนรู้ดีอยู่แล้วเรื่องนี้”
“ผมคิดว่าปัจจัยอื่นก็มีส่วน, คุณต้องมีสเน่ห์ และต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้คน, การที่คุณดูดี ก็ช่วยได้เหมือนกันนะ”
“ผมไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร, ผมเหมือนกับผลไม้ที่ทุกคนอยากลองกัด เหมือนกับสตรอว์เบอร์รี่นั่นแหละ, มันอาจจะฟังดูไม่ค่อยเมคเซนส์เมื่อเป็นภาษาอังกฤษ”
“ผมสนใจเฉพาะผู้คนที่ชื่นชอบผมเท่านั้น ผมไม่เสียเวลากับคนที่ไม่ชอบผม”
“ผมต้องการรายล้อมไปด้วยผู้คนที่รักผม ผมไม่เสียเวลาฟังคำวิจารณ์คนที่เคยอยู่ข้างผม พวกอดีตผู้เล่นทั้งหลายเป็นต้น”
มอร์แกน ถามต่อทันทีเรื่องคำวิจารณ์จาก เวย์น รูนี่ย์ อดีตเพื่อนร่วมทีมคนสำคัญ
“ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน เพียร์ส, คุณควรไปถามเรื่องนี้กับเขาเอง เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงวิจารณ์ผมหนักขนาดนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาอิจฉาผมหรือเปล่า”
“หนึ่งปีหรือ 6 เดือนที่แล้ว เขาเพิ่งมาที่บ้านผมเพื่อรับลูกๆ ของเขากลับ แล้วก็ชวนลูกผมไปเตะบอลกันที่บ้านของเขา”
“ผมไม่เข้าใจคนแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าพกวเขาแค่อยากจะขึ้นข่าวหน้าหนึ่ง หรืออยากได้งานใหม่ หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้”
“บางทีอาจเป็นเพราะความอิจฉา เพราะเขาเลิกเล่นตั้งแต่อายุ 30 กว่า ส่วนผมยังเล่นในระดับสูงสุด”
“ผมจะไม่บอกว่าผมดูดีกว่าเขา ถึงจะเป็นความจริงก็ตาม… แต่มันเป็นเรื่องยากที่่จะรับฟังคำวิจารณ์แง่ลบเหล่านั้น จากคนที่เคยเล่ยร่วมกันคุณ อีกตัวอย่างก็เช่น แกรี่ เนวิลล์”
“ทุกคนสามารถมีความเห็นได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างในสนามซ้อม หรือแม้แต่สิ่งต่างๆ ในชีวิตผม”
“พวกเขาไม่ควรรับฟังมุมมองจากด้านเดียว พวกเขาควรฟังมุมมองของผมเช่นกัน เพราะมันเป็นเรื่องง่ายในการวิจารณ์ เมื่อคุณไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด”
“พวกเขาไม่ใช่เพื่อนผม เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน เราไม่กินข้าวเย็นด้วยกัน”
“แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของผม พวกเขาวิจารณ์ผมตลอดเวลา ดังนั้นผมแค่เดินหน้าต่อไปพร้อมกับผู้คนที่ชื่นชอบผม”
“การวิจารณ์คนอื่นเป็นเรื่องง่าย และผมไม่รู้ว่าเมื่อพวกเขาได้งานออกทีวีแล้ว พวกเขาจะต้องวิจารณ์คนอื่นเพื่อให้มีชื่อเสียงมากขึ้นหรืออย่างไร”
“พวกเขาไม่ใช่คนโง่ และกำลังอ้างชื่อของผมให้เป็นประโยชน์ ซึ่งผมเข้าใจดีว่าผมต้องรับคำวิจารณ์ให้ได้”
“ถึงเรื่องนี้จะไม่ถึงขั้นทำให้ผมนอนไม่หลับ แต่ก็เป็นเรื่องยากในฟังอดีตเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนร่วมทีมวิจารณ์คุณโดยเห็นมุมมองจากด้านเดียว”
อดีตเพื่อนร่วมทีมบางคนยังให้การสนับสนุน โรนัลโด้ อยู่ เช่น ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ รอย คีน ซึ่ง มอร์แกน ก็ถามถึงการซัพพอร์ทจากสองคนนี้
“มันมีความหมายกับผมมาก เพราะผมเคยอยู่ในห้องแต่งตัวเดียวกับพวกเขา และพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางโลกฟุตบอลของผมเช่นกัน”
“อย่างที่เคยบอกไปหลายครั้ง สำหรับผม รอย คีน คือ กัปตันที่ดีที่สุดตลอดกาล, ริโอ เฟอร์ดินานด์ ช่วยเหลือผมเป็นอย่างมาก และเราเคยเป็นเพื่อนบ้านกัน”
“ทั้งสองคนนี้เป็นคนดีมากๆ ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาพูดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับตัวผม แต่สมัยยังเล่นอยู่ พวกเขามีตัวตนในห้องแต่งตัว และเป็นนักฟุตบอลโดยแท้ จึงรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติของเหล่าผู้เล่น”
บทสัมภาษณ์ โรนัลโด้ ภาคแรกจบลงเพียงเท่านี้ โดยภาคสองจะออกฉายต่อเนื่องวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้